คิดเป็น เห็นธรรม

คิดเป็น เห็นธรรม คิดเป็น เห็นธรรม

ผู้ที่ฝึกตนได้ ทรมานตนได้ คือ ยอดคน

  • 2024,Apr 28
  • 2581

ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุ เหตุที่ได้น้อย เหตุที่ได้มาก เหตุที่ไม่ได้เลย มีทั้งนั้น แล้วไม่ใช่เหตุจากใคร (ก่อนหน้าเทศน์เกี่ยวกับการบิณฑบาต) เหตุจากของเราเองนี่แหละ ของเจ้าของเองแต่ละคนนั่นแหละ เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้ เราจะไม่โกรธใครๆ ไม่โทษใครๆ จะไม่ไปตำหนิว่าชาวบ้านแถวนี้ไม่รู้จักบุญกุศล ไม่รู้จักทำทาน อย่านะไม่ใช่หรอก ไปบางที่เสียด้วยซ้ำไป ไม่น่าจะอุดมสมบูรณ์ก็อุดมสมบูรณ์ และบางที่ที่ควรจะอุดมสมบูรณ์กลับไม่ใช่ ไม่ได้เลย ทั้งที่มีหมู่บ้าน ไม่ได้เลย

...

แต่ด้วยเข้าใจแล้วว่า มันคือวิบากกรรมทั้งหลายทั้งปวงของเราเอง เราก็เลยไม่ได้มีความขุ่นมัวอะไร ไม่ได้ดีใจเสียใจอะไร แต่เราถือว่าได้ออกไปทำหน้าที่แล้วก็แล้วกัน เคยกินมามากแล้ว ก็ไม่เห็นได้ดิบได้ดีอะไรขึ้นมา ไม่ให้มันได้กินเสียบ้างมันก็อยู่ได้

...

วันไหนไม่ได้กินก็คิดแล้ว สงสัยชาติใดเราคงปล่อยให้ใครอด ทำให้ใครหิว ก็เลยไม่แปลกที่เกิดมาชาตินี้มันจะต้องอด มันจะต้องหิว ไม่แปลกเลยเราต้องเคยเป็นมาแน่ เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว เลยเวลา ลืม ปล่อยให้มันหิว ไปจับมันมัดมันขังไว้แล้วยังลืมให้ข้าวให้น้ำมันอีก มันหิวก็ไม่รู้จะขอกับใคร ถูกเจ้าของขังปิดบ้านปิดเรือนไว้ มันอาจจะมีครั้งใดครั้งหนึ่งในชาติใดชาติหนึ่งของเรา ก็ถือว่าเป็นการได้ใช้หนี้จากการกระทำที่ผิดพลาดของจิตวิญญาณเรา แม้มันผ่านมานานแล้วก็ตาม

...

พอเรายินดีที่จะใช้ให้ รู้จักคิดตรงกับความเป็นจริงอย่างนี้ ไม่ใช่ปลอบใจตัวเองนะ แต่มันคิดตรงกับธรรมะตรงกับความเป็นจริง มันไม่ทุกข์เลยกับสิ่งทั้งหลายที่ปรากฎ จะสมปรารถนาหรือไม่สมปรารถนา ก็ไม่ทุกข์ แต่มันมีความมุ่งมั่นอยู่อย่างล่ะว่า การดำเนินชีวิตในปัจจุบันชาตินี้ จะต้องไม่ให้ผิดพลาด ไม่ให้บกพร่อง จะทำให้สมบูรณ์ให้ได้มากที่สุด ตั้งความหวังความปรารถนาดี ก็ไม่ใช่เพื่อใครอีก ก็เพื่อตัวเอง เพื่อจิตวิญญาณดวงนี้จะได้นิพพาน จะได้สงบเย็น จะได้ไม่ต้องไปเหนือมาใต้ เพื่อรับกฎแห่งกรรมอีกต่อไป มันมีสถานที่ที่ไม่ต้องรับกฎแห่งกรรมที่รออยู่ ชาติหน้าไม่รู้เลยว่าบาปหรือบุญรออยู่ ชาตินี้ตายแน่ๆ และเมื่อตายแล้วยังไม่รู้อีกว่าบาปหรือบุญจะเป็นฝ่ายรอ ก็เลยว่านี้ควรทำอย่างไร

...

ก็ควรจะทำบุญ แปลว่า ความดี ทำความดีให้มากๆ ให้ประทับใจจนมั่นใจแล้วว่าบุญต้องรอฉันแน่ อันส่วนบาปที่ผ่านมา อโหสิกรรมวันละหลายๆ เที่ยว เราล้วนแต่เคยทำผิดทำชั่วกันมาก่อนทั้งสิ้น ไม่มีใครดีกว่าใคร เชื่อเถอะ อย่าไปหลงโทษใครเลยว่าไม่ดี เรานี้ดี จริงๆ แล้วเราพอฟัดพอเหวี่ยงกันมา อันความดีเราก็เคยทำมาแล้ว เช่นกันอันว่าความชั่วเราก็เคยทำมาแล้ว เราไม่ปฏิเสธหรอก แต่ด้วยว่าพระพุทธเจ้าท่านบอก ในเมื่อมันแล้วไปแล้วเอาปัจจุบันนี้ให้บริบูรณ์ ถ้าเริ่มฟังธรรมวันนี้ก็เอาตั้งแต่วันนี้ หรือว่าฟังธรรมมาหลายปีแล้วก็ยิ่งดีเลย จะยิ่งประทับใจ แปลว่า มั่นคงมั่นใจมากขึ้นนั่นเอง

...

ของหลวงพ่อ หลวงพ่อเอาหัวกับผ้าเหลืองนี่แหละ อ้างกับมันเรื่อยเลย ฉันไม่ปฏิเสธ ว่าฉันไม่เคยทำชั่ว ฉันว่าฉันต้องทำชั่วมาอย่างโชกโชน ขี้เกียจอยากจะรู้เลยว่าอะไรบ้าง แต่เจ้ากรรมนายเวรเอ้ย ปัจจุบันชาติในการทำดีเขาบอก คนที่บวชคนที่ยอมโกนหัวแล้วไปห่มผ้าบังสุกุล คือคนที่ตั้งใจที่สุดแล้วที่จะชดใช้เวรกรรม ฉันก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น เอาไปเน้อ เอาไป จริงๆ ฉันก็ใช้ชีวิตอยู่กับกามคุณห้า ถูๆ ไถๆ ไปเหมือนกับคนทั่วๆ ไป ฉันก็พอจะทำเป็น แต่ฉันไม่เอา ฉันกลัวบาปที่เคยทำจะมาตามทัน เอาไปเน้อ วันหนึ่งคืนหนึ่งที่ฉันภาวนาทั้งหลายทั้งปวง ยกให้พวกเธอหมดเลย ฉันไม่เอาอะไรเลย ฉันมาเพื่อจะใช้กรรม เมื่อพวกเธอไม่จองเวรไม่จองกรรมแล้ว ฉันก็คงจะพ้นทุกข์เองแหละ ทุกวันที่มันทุกข์ก็เพราะพวกเธอนี่แหละที่จองเวร

...

พระพุทธเจ้าท่านเอาความจริงมาบอกอย่างนั้น ทุกวันที่เราทุกข์กันอยู่นี่ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก เป็นเพราะเราใช้กรรมที่เราทำเอาไว้ในส่วนที่ไม่ดี แต่ส่วนที่เรากำลังสุขอยู่คือส่วนที่เรากำลังเสวยสุขจากการที่เราทำดี เสวยสุขไม่หนักใจหรอกใครก็รับได้ แต่เสวยทุกข์นี่สิมันมีการรับไม่ไหว รับไม่ได้ถึงขนาดฆ่าตัวตายก็มี อย่างนั้นวิธีการใช้ เราจะใช้ในฝ่ายกรรมชั่วนี่แหละให้มันหมดๆ ไป ลงทุนเลย ด้วยวิธีใด อันจะกระทำได้จะให้ ยอมอดเปรี้ยว อดเค็ม อดหวาน ยอมที่จะอยู่ตามมีตามได้ แต่กรรมชั่วใหม่ๆ พอกันที ไม่เอาแล้วเข็ด เข็ดแล้ว เมื่อได้ยินได้ฟังความจริงที่พระองค์เอามาแสดงเอามาเทศน์ไว้ เราโน้มจิตตามที่ท่านเทศน์ โอ้ กลัว กลัวกรรมนั้นๆ มันจะมาถึงมาทัน

...

แต่ถ้าได้แต่กลัวแล้วรอมันอยู่ว่าจะมาทันเมื่อไหร่อย่างนั้นหรือ มีวิธีแก้ไหมพระศาสดา มี นี่แหละ รีบทำดีสิแล้วอุทิศไปให้ ทำดีอะไรก็ได้แล้วอุทิศไปให้ อย่าลืม แม้ดีนั้นจะเล็กจะน้อยอย่าประมาทอย่าดูถูกว่าเล็กว่าน้อย ให้บ่อยๆ มันมาก มันหลุด มันพ้นเอง

...

มีความหวังล่ะตอนนี้ จะทุกข์ จะลำบากอย่างไรในขณะบำเพ็ญ ในขณะปฏิบัติอยู่ จะปวดจะเมื่อยอย่างไร ยอมฉันยอม ฉันแค่เพียงปวดเพียงเมื่อย แต่สิ่งที่ฉันเคยทำกับแกอาจจะฆ่าเลยก็ได้ ทุบเลยก็ได้ ตายคามือคาขาเลยก็ได้ กับแค่เพียงฉันนั่งปวดนั่งเมื่อย ไม่เป็นไรฉันจะทนให้แก เอาไปเลย บางครั้งมันทุกข์ถึงขนาดน้ำหูน้ำตาไหล เออก็ยังน้อย ที่ฉันทำกับแกเลือดไหลเลือดนอง ดิ้นชักดิ้นงอไป ฉันก็ไม่รู้ เอาไปนะ เมื่อมีจุดมุ่งหมายมีเป้าหมาย มันก็เลยมีน้ำอดน้ำทนขึ้น

...

นี่คือวิธีการพ้นทุกข์ของธรรมะ ของจริงนะ ของจริง ผู้ที่ฝึกตนได้ ทรมานตนได้ คือยอดคน คนจะเรียกว่ายอดไม่ยอด ไม่ได้ดูว่าจบอะไรมา จบประเทศไหน จบชั้นไหน ดีกรีอะไร ไม่ได้ดูตรงนั้น ดูตรงนี้ จิตดวงใดมีขันติ มีวิริยะ มีความอดทน มีความพยายาม มีปัญญารู้จักชื่อว่าบุญว่าบาป ว่าดีว่าชั่ว รู้วิธีการที่จะทำดีหนีชั่ว นั่นแหละคือคนมีปัญญา ปริญญาไม่เกี่ยวหรอก ปริญญาใช้ประเดี๋ยวประด๋าวเพียงแค่บนโลกใบนี้ มันใช้ตลอดไปไม่ได้ ไม่ติดตามไปชาติหน้าๆ ด้วย แต่ถ้าปัญญาในทางธรรม พาเจ้าของพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง

บรรยายธรรมเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓